ดูหนัง Divorce in the Black รัก ร้าง ร้าว ตอกย้ำว่ายุครุ่งเรือง ไทเลอร์ เพอร์รี ผ่านไปแล้ว ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน “ไทเลอร เพอร์รี” ที่ว่าเป็นชื่อที่เรืองรองในวงการฮอลลีวูดมาก ๆ ในฐานะผู้จัดและผู้กำกับผิวสีที่สร้างคอนเทนท์เพื่อคนผิวได้อย่างปังสุด ๆ สร้างหนังสร้างซีรีส์ออกมาแต่ละเรื่องก็ทำผลลัพธ์ออกมาได้พอใจ กระทั่งมาถึงผลงานล่าสุดในยุคนี้ “Divorce in the Black รัก ร้าง ร้าว” หนังดรามาโรแมนติกที่สอดแทรกประเด็นชีวิตอันตรายของคนผิวสี ที่เป็นอีกหนึ่งหนทางที่ไทเลอร์พยายามหาจังหวะเหมาะ ๆ ที่จะกลับมา แต่ไม่น่าจะใช่หนังเรื่องนี้
เรื่องย่อ Divorce in the Black รัก ร้าง ร้าว
ดูหนัง Divorce in the Black เป็นเรื่องราวชีวิตของ เอวา สาวผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการธนาคาร ที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาชีวิตคู่และชีวิตครอบครัว สามีของเธอได้ขอหย่าร้างแยกทางกัน แต่เธอยังคงติดอยู่กับแนวคิดที่จะฝ่าฟันโชคชะตาและหวังว่าอะไร ๆ จะเข้ามาแทรกแซงให้ความสัมพันธ์นี้ดีขึ้น แต่มันกลับนำพาเธอไปพบกับอีกด้านของโชคชะตาที่ครั้งหนึ่งมันได้เคยทำลายโอกาสครั้งสำคัญในการเชื่อมโยงกับอีกคน ที่อาจจะเป็นเนื้อคู่ที่แท้จริงของเธอ
แน่นอนว่า ไทเลอร์ เพอร์รี ยังคงรับหน้าที่ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง อำนวยการสร้างเอง กำกับเอง และเขียนบทหนังเอง แล้วมันก็ออกมาเป็นแพนเทิร์นเดิม ๆ สไตล์ไทเลอร์ เพอร์รี มาพร้อมกับสูตรสำเร็จเก่า ๆ เดิม ๆ ที่เอาไว้ใจแวดล้อมและสังคมของคนผิวสี โดยที่ไม่ได้คำนึงว่าสตอรีเหล่านั้นจะเฉิ่มและเชยมากแค่ไหนก็ตามที นี่จึงกลายเป็นหนังปี 2024 ที่พล็อตน้ำเน่าพอ ๆ กับละครหลังข่าวทำนองนั้น
โครงสร้างเรื่องราวในหนัง Divorce in the Black ก็คือสูตรเดิม ๆ ของหนังชีวิตรักของคนผิวสีทั่ว ๆ ไปที่เราน่าจะเคยได้เห็นมาตลอด 10-20 ปีที่ผ่านมา เป็นพล็อตที่ไม่มีอะไรใหม่เลยสักนิดเดียว แล้วยังมาประกอบร่างเข้ากับการเล่าเรื่องที่เยิ่นเย้อไปหมด เป็นหนังดรามาสะท้อนปัญหาชีวิตคู่ที่กินเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่ง กับคอนเทนท์ที่เต็มไปด้วยความจืดชืดที่แทบไม่มีอะไรที่ดึงดูดใจเลยสักนิดเดียว
วิจารย์หนัง Divorce in the Black ดูหนัง ออนไลน์
บางที ดูหนัง Divorce in the Black อาจจะเหมาะกับการสร้างเป็นมินซีรีส์สั้น ๆ สัก 4-5 ตอนจบ แต่เมื่อกลายมาเป็นหนังที่ไร้ความกระชับในการจำกัดความ ก็พลอยทำให้หนังทั้งเรื่องไร้ความน่าสนใจไปอย่างน่าเสียดาย คงจะมีแค่เพียงฉากเปิด 10 นาทีแรกของหนัง ที่น่าจะเป็นการเปิดที่น่าสนใจทีเดียว แต่หนังก็ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์จากจังหวะตรงนั้นไปอีก 2 ชั่วโมงเศษ ๆ ไปถึงตอนจบ
“เมเกน กู้ด” มาแสดงนำในหนังเรื่องนี้ พร้อมกับรับหน้าที่เป็นผู้ร่วมสร้างหนังด้วย ตัวละครของเธอก็แทบไม่มีมิติอะไรเลย ดำเนินไปเรื่อย ๆ ตามลำดับของหนัง แม้ว่าจะพยายามสร้างเสน่ห์และอินเนอร์ให้กับคาแรกเตอร์แล้วก็ตาม แต่เพราะบทหนังที่แทบจะไม่มีอะไรเลย ก็พลอยทำให้การแสดงของเธออยู่ระดับมาตรฐานทั่วไปที่ไม่ได้น่าจดจำเช่นเดียวกับ เหล่านักแสดงสมทบคนอื่น ๆ อย่าง “คอรี ฮาร์ดริคท์”, “โจเซฟ ลี อันเดอร์สัน”, “ริชาร์ด ลอว์สัน” หรือ “เด็บบี มอร์แกน” ก็เป็นทีมเสริมที่หนังก็ไม่ได้ให้ความโดดเด่นอะไรสักเท่าไหร่ เพราะแสงสปอตไลต์ให้กับตัวละครเอกเป็นหลัก และนั่นก็ทำให้พาร์ทของการแสดงไม่สามารถช่วยประคับประคองตัวหนังเรื่องนี้เอาไว้ Divorce in the Black ก็คือหนังชีวิตที่พยายามสะท้อนแง่มุมการประคับประคองและมีสติให้กับปัญหาชีวิตคู่ได้รุงรัง แม้ว่าหนังจะใส่อารมณ์ได้ค่อนข้างใช้ได้ แต่กลับลืมใส่ชีวิตชีวาให้กับหนังเรื่องนี้ไปอย่างน่าเสียดาย สุดท้ายก็เป็นเพียงหนังที่สร้างเพื่อเป็นคอนเทนท์คนผิวสี ด้วยพล็อตที่จืดชืดและไม่มีอะไรแปลกใหม่ อรรถรสน้ำเน่า ซ้ำยังยาวยืดเกินเหตุ กับความยาว 2 ชั่วโมงครึ่งที่นานเกินไปสำหรับหนังประเภทนี้